ส่วนนี้ของ “ข้าวโพด” ที่มักถูกทิ้งไปเปล่าๆ หมอบอกประโยชน์เทียบเท่า “โสม” แพทย์แผนโบราณใช้รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับตับและถุงน้ำดี
ไหมข้าวโพด (Corn silk) คือ เส้นใยที่เกาะอยู่บนฝัก เป็นส่วนที่มักถูกทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ แต่แท้จริงแล้วมีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่ากับโสม มักใช้ในแพทย์แผนโบราณเพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับตับและถุงน้ำดี
ไหมอุดมไปด้วยวิตามิน A, K, B1, B2, B6 (ไพริด็อกซีน), C, PP, ฟลาโวนอยด์, กรดแพนโทธีนิก, สารซาโปนิน, สเตียรอยด์ เช่น ไซโตสเตอรอล และซิกมาสเตอรอล รวมถึงน้ำมันหอมระเหย และแร่ธาตุอื่นๆ
![]()
สรรพคุณของไหมข้าวโพด
ดร.บุ่ย ถิ เอียน ญี จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์และเภสัชศาสตร์ โฮจิมินห์ กล่าวว่ามีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดความร้อนในร่างกาย บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน บวมน้ำ ลดอาการอักเสบ และลดความดันโลหิต
ในแพทย์พื้นบ้าน น้ำต้มไหม มักใช้เพื่อปรับสมดุลการทำงานของตับและลดความร้อนในร่างกาย โดยนิยมผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เช่น หญ้าคา ดอกเก๊กฮวย และอ้อยแดง เพื่อเพิ่มความสดชื่นและสุขภาพที่ดี
ข้อควรระวังในการใช้น้ำไหม
- ไม่ควรดื่มแทนน้ำดื่มประจำวัน เนื่องจากอาจทำให้ขับปัสสาวะมากเกินไปและเกิดความไม่สมดุลของน้ำและเกลือแร่
- หลีกเลี่ยงการดื่มตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้ปัสสาวะบ่อย
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ อาจเกิดอาการเวียนศีรษะ เหนื่อยล้า หรือระบบย่อยอาหารผิดปกติได้
- ผู้ป่วยน้ำตาลในเลือดต่ำ ควรระวังเนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลง
- ผู้ที่แพ้ละอองเกสร ควรระวังเพราะไหม มีปริมาณละอองเกสรบางส่วน
ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรหลีกเลี่ยง
แพทย์แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้น้ำไหม เพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการโต้ตอบกับยาที่ใช้อยู่
ข้อมูลจาก สำนักโภชนาการ กรมอนามัย
ประโยชน์ของน้ำต้มเส้นไหม ขับปัสสาวะ ลดบวม ล้างสารพิษ รักษาดีซ่านและโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินปัสสาวะที่ติดไวรัส
เส้นไหม แห้งมาต้มกับน้ำมีส่วนช่วยรักษาอาการอักเสบเรื้อรัง ช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย มีเส้นใยอาหารสูง กระตุ้นการย่อยอาหาร และช่วยระบบเผาผลาญของร่างกาย มีวิตามินเค ควบคุมน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดนิ่วในไต ยังสามารถช่วยลดความอ้วนได้
ไหม คือก้านเกสรตัวเมีย นิยมใช้เป็นยาตามตำรายาพื้นบ้าน การวิจัยไหม ยังมีจำกัด มีการศึกษาหนูทดลองพบว่าไหม มีฤทธิ์ขับปัสสาวะจึงอาจช่วยลดสารพิษได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสในระบบทางเดินปัสสาวะได้และไม่ช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ยังไม่พบการศึกษาว่าคนเป็นไตอักเสบเรื้อรังดื่มน้ำต้มใยไหมแล้วดีขึ้น ไหม มีใยอาหารสูงแต่น้ำต้มไหม แทบไม่พบใยอาหา
ผู้ที่กินยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ยาเบาหวาน ยาต้านการอักเสบและผู้ที่มีภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ไม่ควรกินไหม แม้ว่าไหมจะปลอดภัยในคนส่วนใหญ่ แต่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
ไหม นำมาเป็นอาหารและยาได้ ผู้ใหญ่กินแบบแห้งครั้งละ 4 – 8 กรัม 3 ครั้งต่อวันหรือชงเป็นชาดื่ม (ไหมแห้ง 0.5 กรัม/น้ำ 150 มล.) และควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลากหลายในปริมาณที่เหมาะสม balancecounseling

