นิสัยเล็กๆ “กัดเล็บ” แพทย์ฮาร์วาร์ดเตือน อันตรายที่คาดไม่ถึง แนะนำวิธีทำยังไงถึงจะเลิกได้
การกัดเล็บเป็นนิสัยที่มักเริ่มมาตั้งแต่วัยเด็ก และบางครั้งก็ติดมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ แม้จะรู้ว่าไม่ควรทำก็ตาม แพทย์จากฮาร์วาร์ดย้ำว่า การกัดเล็บไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะมันอาจทำให้คุณต้องเผชิญ “ปัญหาสุขภาพช็อก ๆ” แบบไม่ทันตั้งตัว
หญิงรายหนึ่งซึ่งกังวลใจได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญว่า “ฉันกัดเล็บมาตั้งแต่เด็ก แต่เพื่อนเพิ่งบอกว่านิสัยนี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จริงหรือไม่?” หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ว่าพฤติกรรมที่ทำมาตลอดอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายจริง ๆ และเพื่อน ๆ ยังเตือนให้หยุดทันที
นิสัยชอบกัดเล็บ หลายคนเลิกไม่ได้
ทำไมการกัดเล็บถึงอันตราย?
แพทย์ฮาร์วาร์ดอธิบายผ่าน Harvard Health Publishing ว่า “เพื่อนของคุณพูดถูก ลองคิดดูสิว่าคุณสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ มากแค่ไหนในแต่ละวัน ทั้งลูกบิดประตู เงิน หรือแม้แต่โทรศัพท์”
ปลายนิ้วของเรามีเชื้อโรคสะสมอยู่แล้ว แต่การกัดเล็บยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเพราะสิ่งสกปรกและเชื้อโรคใต้เล็บสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง การกัดเล็บยังทำให้ผิวรอบ ๆ ฉีกขาด เกิดแผลเล็ก ๆ ที่เชื้อโรคสามารถแทรกซึมเข้าไปได้
แพทย์เตือนว่า การนำเล็บเข้าปากคือการพาร่างกายไปสัมผัสกับเชื้อโรคหลายชนิด ตั้งแต่หวัดธรรมดาไปจนถึงการติดเชื้อซัลโมเนลลา นอกจากนี้ยังอาจเกิดการติดเชื้อที่ผิวรอบเล็บหรือใต้เล็บได้
วิธีเลิกนิสัยกัดเล็บ
แพทย์ฮาร์วาร์ดยอมรับว่าการเลิกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งสำคัญ คำแนะนำคือหากิจกรรมอื่นให้มือและปากทำแทน เช่น เคี้ยวหมากฝรั่ง ดื่มน้ำ ทำงานฝีมือ หรือวาดรูป เพื่อเบี่ยงเบนความอยากกัดเล็บ
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำจากผู้เคยเลิกนิสัยกัดเล็บที่แชร์ไว้บน Reddit เช่น:
-
เลิกทีละนิ้ว เริ่มจากนิ้วโป้งแล้วค่อย ๆ ขยายไปนิ้วอื่น แม้ใช้เวลาหลายเดือนแต่ได้ผล
-
สังเกตท่าทางคนที่กัดเล็บ มักดูเครียด กังวล หรือไม่มั่นใจ การไม่อยากให้คนมองว่าเราเป็นแบบนั้นช่วยให้เลิกได้
-
ใช้ “วิธีหนังยาง” หยิบหนังยางเส้นหนามาพันข้อมือ ทุกครั้งที่คิดจะกัดเล็บหรือเผลอกัด ให้ดึงแล้วดีดใส่ข้อมือแรง ๆ จะไม่ก่ออันตรายถาวร แต่ช่วยเชื่อมโยงพฤติกรรมกัดเล็บกับความรู้สึกเจ็บ ทำให้เลิกได้จริง