พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 เผยกัมพูชาแข็งแกร่งขึ้น หลังจากสู้รบเมื่อปี 54 ลั่นเราเอากำลังทางอากาศไปโจมตีหลายครั้ง แต่เขายังอยู่ได้ ยืนยันทหารพร้อมเต็มที่ในการปกปักรักษาอธิปไตยของชาติไทย ฝากคนในชาติร่วมใจกันสามัคคี เห็นแตกต่างได้ แต่ต้องไม่แตกแยก
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่สโมสรร่วมเริงชัย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เป็นตัวแทนพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบสิ่งของจากพี่น้องประชาชนชาวไทยที่นำสิ่งของมามอบให้กับทหารไทยแนวหน้า เป็นธารน้ำใจที่หลั่งไหลสู่ชายแดนทั้งจากหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน รวมทั้งพระสงฆ์ ประชาชน นักเรียนนักศึกษา ต่างร่วมใจเดินทางมามอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับทหารที่เสียสละปกป้องประเทศในเขตชายแดนไทยกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
รองแม่ทัพภาค 2 เผยกัมพูชาแข็งแกร่งขึ้น
พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม่ทัพภาคที่ 2 ได้บังคับบัญชากำลังพลหน่วยต่างๆ อย่างใกล้ชิดอยู่ในสนามรบอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทุกนาย
ทหารเรามีหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติ หากไม่ใช่ช่วงวิกฤตพี่น้องประชาชนอาจจะมองไม่เห็นความสำคัญชัดเจนเท่าไหร่นัก บางคนอาจจะคิดว่า เอ๊ะทหารมีไว้ทำอะไร บางคนคิดไปถึงขั้นว่าจะต้องลดกำลังทหารลง แม้กระทั่งการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ อาจมองดูว่าสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากมองว่าทุกวันนี้ไม่มีภัยคุกคาม ไม่มีข้าศึกศัตรูไม่มีสงครามแล้ว
สถานการณ์ปีนี้คงจะแสดงให้พี่น้องคนไทยได้เห็นว่า “โลกที่สงบสุข ไม่มีอยู่จริง” อย่างเช่นการปะทะของอิสราเอลกับอิหร่าน เหตุการณ์ในอิรักหรือซีเรีย หรืออย่างเช่น ยูเครนกับรัสเซีย หรือแม้กระทั่งความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ก่อนหน้านี้ ที่เราอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในเมื่อพอมีเหตุใกล้ตัวกับประเทศเพื่อนบ้านเราจนเกิดการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา จะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงว่า ความขัดแย้งมีอยู่ตลอด อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยข้อมูล เนื่องจากข้อมูลทางการทหารบางอย่างเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อกองทัพหรือประเทศชาติได้ ทำให้หลายภาคส่วนอื่นๆ รวมทั้งประชาชนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจ โดยที่ผ่านมาทางกองทัพจะใช้การเจรจาพูดคุยเบื้องต้นกับประเทศเพื่อนบ้านก่อนที่มีปัญหา เนื่องจากไม่อยากให้คนในชาติทั้งสองชาติเป็นศัตรูกัน มีความพยายามที่จะใช้สันติวิธีในการที่จะพูดคุย และพยายามที่จะอดทนกดกลั้นอย่างถึงที่สุด
พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวว่า ท่านพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พยายามที่จะคลี่คลายสถานการณ์มาตลอดจนถึงที่สุดต้องใช้กำลังทหาร แม้ว่าทางเราจะมีกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า แต่ก็เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย
กัมพูชาเพิ่งผ่านภาวะสงครามกลางเมือง ตนเองอยู่ชายแดนมาตั้งแต่เรียนจบ ตนเองเป็นคนสุรินทร์พูดภาษาเขมรได้ อยู่พื้นที่มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่เขมรแตกแยกตีกันอยู่ในประเทศ เคยเข้าไปช่วยรบ และช่วยอพยพประชาชนชาวเขมรที่บ้านแตกสาแหรกขาด จนมาถึงปี พ.ศ 2540 ได้เข้าไปช่วยเหลือในการสร้างความปรองดองในประเทศกัมพูชาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนเมื่อ พ.ศ 2554 กองกำลังกัมพูชาแข็งแกร่งขึ้นได้หันกลับมารบกับประเทศไทย จากนั้น 14 ปี ต่อมา พ.ศ 2568 ในครั้งนี้กัมพูชากล้ารบกับเราอีกครั้ง
“แต่ละครั้งที่ผ่านมาเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง ในครั้งนี้เราใช้กองกำลังทางอากาศไปโจมตีหลายครั้ง แต่เขายังอยู่ได้ เราจึงต้องกลับมาทบทวนข้อเสียของคนไทย คือ เมื่อมีศึกสงครามเราจะรวมใจกันสู้ แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเราก็จะสู้กันเอง ความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าให้ความเห็นที่แตกต่างนำมาซึ่งความแตกแยก เราแตกแยกกันมานานมาก เราแย่ตรงไหนเราควรแก้ไข คนไทยทุกคนมีส่วนในการช่วยกันแก้ไข”
อย่างไรก็ตาม ทหารยืนยันว่าพร้อมเต็มที่ในการปกปักรักษาอธิปไตยของชาติไทย พยายามให้เกิดผลเสียกับพี่น้องประชาชนภาพรวมของประเทศน้อยที่สุด ขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เดินทางมาด้วยใจ ร่วมแรงร่วมใจบริจาคสิ่งของให้กับทหารชายแดน
หลังจากนี้เดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้า ให้กำลังใจครอบครัวของผู้ที่สละชีพเพื่อบ้านเมือง. balancecounseling