สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน เส้นทางอำนาจบนแผ่นดินกัมพูชา
สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน หรือที่รู้จักกันในนาม ฮุน เซน คือบุรุษผู้ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชาร่วมสมัย จากอดีตนักรบเขมรแดงสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดคนหนึ่งของโลก และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เส้นทางชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน การต่อสู้ และการเปลี่ยนแปลงที่หล่อหลอมชะตากรรมของประเทศกัมพูชามานานหลายทศวรรษ
ชีวิตช่วงต้นและการเข้าร่วมปฏิวัติ
มีชื่อเดิมว่า ฮุน บูนัล เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2495 (เอกสารทางการระบุเป็นวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2494) ในครอบครัวชาวนาที่จังหวัดกำปงจาม ชีวิตในวัยเยาว์ของเขาต้องเผชิญกับความยากลำบาก จนกระทั่งเดินทางมาศึกษาต่อที่กรุงพนมเปญ เมื่อกัมพูชาเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมืองในปี พ.ศ. 2513 ในวัยหนุ่มได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับขบวนการเขมรแดง เพื่อต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลของนายพลลอน นอล
ในระหว่างการสู้รบ เขาได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาข้างซ้าย ทำให้ต้องสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร และได้เปลี่ยนชื่อเป็น ในช่วงเวลานี้เองที่เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการทหารและความเป็นผู้นำ จนได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
บทบาทในยุคหลังเขมรแดงและการก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ภายหลังเขมรแดงยึดครองอำนาจในปี พ.ศ. 2518 และเริ่มการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชา ได้แปรพักตร์และหลบหนีไปยังเวียดนามในปี พ.ศ. 2520 เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองกำลังแนวร่วมสามัคคีสงเคราะห์ชาติกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม เพื่อโค่นล้มระบอบเขมรแดงในปี พ.ศ. 2522
หลังจากการปลดปล่อยกรุงพนมเปญ เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา และด้วยวัยเพียง 33 ปี เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2528 กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในโลกในขณะนั้น
การครองอำนาจอันยาวนานและนโยบายสำคัญ
ตลอดระยะเวลากว่า 38 ปีในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้นำพากัมพูชาผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญหลายครั้ง เขามีบทบาทสำคัญในการเจรจาสันติภาพปารีสในปี พ.ศ. 2534 ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามกลางเมืองอย่างเป็นทางการ
ภายใต้การนำของเขา กัมพูชามีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างมีนโยบายสำคัญที่เรียกว่า “ยุทธศาสตร์จตุโกณ” ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การเกษตร, โครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาภาคเอกชนและการจ้างงาน, และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นโยบายนี้ส่งผลให้เศรษฐกิจของกัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ การท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีนซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด
ในด้านการต่างประเทศ ดำเนินนโยบายที่เป็นอิสระและยืดหยุ่น สร้างสมดุลระหว่างมหาอำนาจ และรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ เขามีบทบาทอย่างแข็งขันในเวทีอาเซียนและภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การครองอำนาจอันยาวนานของก็เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นสิทธิมนุษยชนและการจำกัดเสรีภาพทางการเมือง โดยเฉพาะการปราบปรามพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มผู้เห็นต่าง
การสืบทอดอำนาจและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่
ในปี พ.ศ. 2566 ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองกัมพูชาอีกครั้ง ด้วยการประกาศลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และส่งมอบอำนาจต่อให้กับบุตรชายคนโต คือ นายพล ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาจากสถาบันการทหารชั้นนำในต่างประเทศ การสืบทอดอำนาจครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนและบารมีทางการเมืองที่เข้มแข็งของ ภายในพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)
แม้จะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่สมเด็จเดโชยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะประธานพรรคประชาชนกัมพูชา และล่าสุดได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในทางการเมืองของกัมพูชาต่อไป
ชีวิตและเส้นทางการเมืองของสมเด็จเดโชคือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงอันซับซ้อนของกัมพูชา จากเถ้าถ่านของสงครามสู่ยุคแห่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เขาคือบุคคลที่ทิ้งร่องรอยสำคัญไว้ในทุกช่วงตอนของประวัติศาสตร์ร่วมสมัย และยังคงเป็นผู้กำหนดทิศทางอนาคตของประเทศกัมพูชาต่อไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ balancecounseling