นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังคงเป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจของแวดวงการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญ ภายหลังการประกาศแยกทางกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้บทบาทของเขาและพรรคภูมิใจไทยถูกจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งในฐานะพรรคฝ่ายค้าน และตัวแปรสำคัญในสนามการเมืองอนาคต
ข่าวคราวในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนภาพความขัดแย้งทางการเมืองที่นำไปสู่การตัดสินใจแยกทางกับรัฐบาล โดยประเด็นร้อนที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางคือการส่งมอบคืนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายอนุทินเคยดำรงตำแหน่งอยู่ โดยให้เหตุผลว่าเมื่อไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้ต่อกันได้ การแยกทางจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น
นายอนุทินได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่หวนกลับเข้าร่วมรัฐบาลอีก และพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เขายังได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม เช่น การคัดค้านข้อเสนอเรื่องการเปิดกาสิโน โดยเชื่อมโยงกับความกังวลของทางการจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างประเด็นทางสังคมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากนักธุรกิจสู่เส้นทางการเมือง
ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นนักการเมืองแถวหน้า นายอนุทินมีพื้นฐานมาจากการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในแวดวงวิศวกรรมและการก่อสร้าง เขาจบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา สหรัฐอเมริกา และเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ประสบการณ์ในภาคธุรกิจได้หล่อหลอมวิสัยทัศน์และแนวทางการทำงานของเขา ซึ่งมักจะถูกนำเสนอผ่านนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่เน้นการปฏิบัติได้จริงและแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน
นายอนุทินเข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัวโดยเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในอดีต ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนำพรรคประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง จนได้เข้าร่วมรัฐบาลและดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลก่อนหน้า
ผลงานและนโยบายที่โดดเด่น
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทินมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลักดันนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม นโยบายที่สร้างชื่อและเป็นที่จดจำมากที่สุดคือ การผลักดันนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ซึ่งนำไปสู่การปลดล็อกกัญชาและกัญชงออกจากบัญชียาเสพติด โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะได้รับเสียงตอบรับทั้งในเชิงบวกและลบ และยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในสังคมถึงผลกระทบในมิติต่างๆ
นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยภายใต้การนำของนายอนุทิน ยังมีนโยบายเด่นอื่นๆ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น นโยบายพักหนี้ 3 ปี, การส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ก้าวต่อไปบนถนนการเมือง
ปัจจุบัน และพรรคภูมิใจไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการปรับบทบาทครั้งสำคัญในฐานะพรรคฝ่ายค้าน การเคลื่อนไหวและท่าทีของเขาหลังจากนี้ จะเป็นที่น่าจับตาว่าจะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมและตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลได้มากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกัน บทบาทในฐานะ “ตัวแปร” ทางการเมืองที่พร้อมจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ยังคงเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวเขาและพรรคภูมิใจไทยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ balancecounseling
