เคยได้ยินประโยคที่ว่า “ เลี้ยงไหม” กันไหมคะ เคยสงสัยกันหรือเปล่าว่า “หม่อน” ที่ว่าคืออะไร มันคือใบหม่อนที่เคยมีการส่งเสริมให้ปลูกกันถามภาคเหนือ โดยเฉพาะหมู่บ้านชาวเขา ที่จะนำใบหม่อนมาใช้เป็นอาหารของหนอนไหม แต่หม่อนไม่ได้มีประโยชน์แค่ใบเท่านั้นนะคะ หรือชื่อภาษาอังกฤษแบบไฮโซๆ เรียกว่า Mulberry ก็มีประโยชน์ดีๆ ไม่แพ้กัน
มัลเบอร์รี่ (Mulberry) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลไม้พื้นบ้านธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมของสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงคุณค่า เป็นผลไม้ที่ถูกยอมรับทั้งในทาง โภชนาการ และ การแพทย์แผนโบราณ ว่าให้ประโยชน์หลากหลายต่อร่างกายดังนี้
ลูกหม่อน ประโยชน์เด่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ
- ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วย ยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และภาวะเส้นเลือดแตก ที่เป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ดับร้อน ทำให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการกระหายน้ำ
- อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และกรดโฟลิก เหมาะแก่มารดาที่กำลังตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันทารกพิการแต่กำเนิด บำรุงระบบประสาท และลดความเสี่ยงโลหิตจาง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
- ลดน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผลหม่อนต้ม ช่วยแก้โรคไขข้ออักเสบ
- มีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเลือด ตับ และ ไต ช่วยป้องกันทารกพิการแต่กำเนิด บำรุงระบบประสาท และลดความเสี่ยงโลหิตจาง
- ลดการเกิดสิว และปวดประจำเดือน
- มีวิตามินซีสูง ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ และปอด
- แก้อาการท้องผูก เพราะเป็นยาระบายอ่อนๆ
- มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก
- แก้อาการเมาค้าง ผ่อนคลายความเครียด มีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายระบบประสาท และลดอาการไม่สบายหลังดื่มแอลกอฮอล์
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ สุขภาพดี ป้องกันผมหงอกก่อนวัย ลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย เสริมความแข็งแรงของรากผม
สารต้านอนุมูลอิสระใน เทียบชั้นเบอร์รี่นำเข้า
งานวิจัยพบว่า ประโยชน์” ไม่แพ้ บลูเบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ หรือแบล็กเบอร์รี่ ที่นิยมในต่างประเทศเลย สารต้านอนุมูลอิสระในมีบทบาทสำคัญในการ
- ลดการอักเสบของหลอดเลือด
- ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ชะลอโรคความจำเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์
- เสริมการทำงานของสมองและระบบประสาท
ประโยชน์ทั้งจากผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูป
ในปัจจุบันมีการแปรรูป ให้บริโภคได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น:
- น้ำเข้มข้น เหมาะสำหรับผสมดื่มหรือนำไปประกอบอาหาร
- แยม สำหรับทาขนมปังหรือเป็นไส้เบเกอรี่
- ชา ที่ให้กลิ่นหอมและสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกัน
ด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สีสันสดใส และคุณค่าทางอาหาร จึงถูกนำมาใช้ในเมนูต่าง ๆ เช่น น้ำลูกหม่อนเข้มข้น / น้ำมัลเบอร์รี่, เค้ก โดนัท พาย, ไอศกรีมและสมูทตี้, แยมและชาผลไม้ ผลหม่อนห่ามจะให้รสเปรี้ยว สีแดง ส่วนผลสุกจะให้รสหวาน สีม่วงดำ ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามสูตรอาหารได้ balancecounseling
คำแนะนำในการรับประทาน
ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ วันละ 100–200 กรัม ผู้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ควรระวังปริมาณการบริโภค เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติหม่อนสามารถปลูกได้เองที่บ้านนะคะ ไม่ยาก แถมนอกจากผลแล้ว ตัวใบเองยังเป็นสมุนไพรที่ดี ทำประโยชน์ได้อีกเยอะ ใครอยากลองทานหม่อนลองหาซื้อทานกันดูนะคะ