5 สมุนไพรไทย “นักรบสู้เบาหวาน” ผักพื้นบ้านที่คุ้นเคย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อาวุธลับจากธรรมชาติ
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) คือ กลุ่มของโรคเรื้อรังที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือด (กลูโคส) สูงกว่าปกติ เนื่องจากความผิดปกติในการสร้างอินซูลิน หรือการใช้อินซูลินของร่างกายไม่เพียงพอ
อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้กลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน หากอินซูลินทำงานผิดปกติ ร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
5 สมุนไพรไทย “นักรบสู้เบาหวาน”
ประเภทของโรคเบาหวาน
-
เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เลย มักพบในเด็กหรือวัยรุ่น ต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต
-
เบาหวานชนิดที่ 2 ร่างกายสร้างอินซูลินได้ แต่เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน พบมากที่สุด มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกิน อ้วน และขาดการออกกำลังกาย
-
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เกิดในสตรีมีครรภ์บางราย จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาจหายไปหลังคลอด แต่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต
อาการที่พบบ่อย
-
ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก
-
กระหายน้ำมาก
-
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
-
แผลหายช้า ติดเชื้อบ่อย
-
บางรายมีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า
ภาวะแทรกซ้อน (ถ้าไม่ควบคุม)
-
โรคหัวใจและหลอดเลือด
-
ไตเสื่อม (ไตวายเรื้อรัง)
-
เบาหวานขึ้นตา (จอประสาทตาเสื่อม ตาบอด)
-
เส้นประสาทถูกทำลาย (ปลายมือเท้าชา)
-
แผลเบาหวานที่เท้า อาจรุนแรงจนต้องตัดขา
การดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย
การป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อปรับให้ร่างกายเกิดสมดุล โดยเน้นการปรับพฤติกรรมการกิน ลดแป้งและน้ำตาล และเพิ่มผักพื้นบ้านที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ได้แก่
-
มะระขี้นก : สมุนไพรรสขม มีสาร charantin ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด นิยมนำมาปรุงอาหาร เช่น แกงคั่วมะระขี้นก มะระขี้นกผัดไข่ หรือนำไปลวกจิ้มน้ำพริก
- ตำลึง : รสเย็น ใบและเถามีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด มีคุณค่าทางอาหารสูง นำไปทำอาหารได้ เช่น แกงจืด แกงเลียง ต้มเลือดหมู
- เตยหอม : รสหวานหอมเย็น ต้นและรากใช้แก้ไข้ ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด นิยมทำเป็นน้ำเตยหอมดื่มเพื่อความสดชื่น
- ผักเชียงดา : ผักพื้นบ้านภาคเหนือ นิยมทำเป็นชาชงหรือนำมาปรุงอาหาร มีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
- ช้าพลู : รสเผ็ดร้อน ช่วยขับลม เจริญอาหาร และลดน้ำตาลในเลือด รับประทานได้ทั้งสุกหรือดิบ แต่ไม่ควรทานใบสดมากเกินไป เพราะอาจเวียนศีรษะหรือเสี่ยงเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
นอกจากสมุนไพรผักพื้นบ้านและยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว หลักสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และ ช่วยให้แข็งแรง คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ เหมาะสมกับร่างกาย และที่สำคัญควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควรได้รับการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงสามารถรับประทานผักและสมุนไพรเหล่านี้เพื่อบำรุงสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารทุกครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาโรค และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ balancecounseling