ดูหนังฝรั่ง

ดูหนังฝรั่ง ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังชนโรง หนังเต็มเรื่อง HD

ดูหนังฝรั่ง  หนังเต็มเรื่อง HD

ดูหนังฝรั่ง  The Privilege เดอะ พริวิเลจ ภาพยนตร์สยองขวัญจากเยอรมันบอกเล่าเรื่องราวของฟินน์ (แม็กซ์ ลองเมลป์เฟนนิช) ลูกคนท้ายที่สุดของครอบครัวเบิร์นมันน์ ครอบครัวคนรวยในประเทศเยอรมัน เมื่อครั้งเป็นเด็ก เขาได้พบเห็นกับเรื่องเหนือธรรมชาติ จนกระทั่งทำให้พี่สาวคนโต อันที่นา (ค้างโรไลน์ ฮาร์ติเตียนก) เสียชีวิต ถึงเวลาจะผ่านไปยาวนานหลายปีแม้กระนั้นเหตุคราวนั้นยังคงตามมาหลอก เขาก็เลยจำต้องเข้ารับการดูแลและรักษากับจิตแพทย์เป็นบางโอกาส แล้วก็เมื่อฟินน์ได้มองเห็นสิ่งแปลกเกิดขึ้นในบ้านอีกที เขาก็เลยรวมกลุ่มกับสหายในสถานที่เรียนทั้งยังลีน่า (เลอา อัคเคน) แล้วก็ซาไม่ล่า (ครั้งยาน มาราย) เพื่อหาคำตอบ ว่าสิ่งที่เขามองเห็นมันเป็นเรื่องหลอนหรือความเป็นจริง

ท้ายที่สุดแล้วข้อเท็จจริงเป็นยังไง สามารถไปพบคำตอบได้ทาง Netflix มีบรรยายไทยแม็กซ์ ลองเมลป์เฟนนิช สวมบทเป็นฟินน์ วัยรุ่นชายหนุ่มที่เจอสถานะการณ์น่าน่ากลัวในวัยเด็ก เมื่อโตมาเขายังจำภาพเดิมๆที่รอตามมาหลอกได้ รอสงสัยกับเรื่องบริเวณตัว บางเวลาสงสัยว่าสิ่งที่มองเห็นเป็นข้อเท็จจริงหรือเรื่องหลอน ชายหนุ่มแม็กซ์แสดงดี เอาอยู่มองสมหน้าที่ ทำให้ร่วมลุ้นไปด้วย อยากทราบว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องทั้งผองเป็นยังไง ซึ่งหลายๆคนบางทีอาจคุ้นตาดาราวัย 26 ปีคนนี้เพราะเหตุว่าเขาเคยส่งผลงานในซีรีส์เชื้อชาติเยอรมันมีชื่อเสียงอย่าง Dark ในบทโนอาห์มาก่อนหน้านี้

เลอา ฟาน อัคเคน รับบทบาทเป็น ลีน่า เพื่อนเกลอของฟินน์ เรียนที่เดียวกัน ค้างแรกเตอร์เป็นสาววัยรุ่น ปลายผมสีชมพูถูกใจเพศเดียวกัน มีความเปรี้ยว ซ่า อวดกล้า เป็นอันมากสำคัญสำหรับในการช่วยฟินน์สอบปากคำ เป็นตัวละครที่เพิ่มอรรถรสรวมทั้งเป็นผู้ที่ทำให้ความลุ้นตอนมองได้บรรเทาลง เลอา ปัจจุบันนี้อายุ 23 ปี เป็นดาราหนังอีกหนึ่งผู้ที่เคยปรากฎตัวในซีรีส์เรื่อง Dark กับบทสิลจา สาวจากอนาคตครั้งยาน มาราย เล่นบทเป็น ซาไม่ล่า เด็กนักเรียนสาวสวย เป็นเพื่อนที่ฟินน์แอบรักแม้กระนั้นไม่เคยคุยด้วย

มีเหตุให้คุณเข้ามาร่วมการสอบปากคำกล่าวโทษจริงกับฟินน์นอกเหนือจากนั้นยังได้  ดูหนังฝรั่ง  โรมัน คนิซค้าง อีกหนึ่งผู้แสดงจากซีรีส์ Dark ในบทบาร์ทอส ประเด็นนี้รับบทบาทเป็นบิดาของฟินน์ ผู้นำครอบครัว ที่รอเป็นห่วงเป็นใยลูกเหตุสะเทือนใจในคราวนั้นทำให้ฟินน์เติบโตมาด้วยอาการเห็นภาพมายาจากอดีตกาลกระทั่งเขาจะต้องเข้ารับการดูแลรักษาจากจิตแพทย์อยู่เป็นประจำ ตราบจนกระทั่งวันหนึ่งฟินน์ได้มีคนที่ไม่รู้จักกำลังประกอบพิธีบาปอะไรบางอย่างกับพี่สาวคนรองที่อายุของคุณกำลังจะครบ 18 ปีในอีกไม่นาน แล้วก็ฟินน์กลัวว่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับอันทุ่งนาจะกำเนิดซ้ำรอยอีกรอบ

ระหว่างที่ฟินน์มานะหาคำตอบกับการปรากฏแปลกที่เกิดขึ้นนี้ เพื่อไขว่าเหตุในครั้งสมัยก่อนนั้นเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากความวิปลาสของตน หรือจริงๆแล้วอันที่นาถูกอะไรตามล่า แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในเดี๋ยวนี้มีความเชื่อมโยงเช่นไรกับฟินน์ ครั้งคราวมันอาจจะมีการเกิดมาจากตัวยาที่เขาถูกหมอสั่งให้รับประทานอย่างสม่ำเสมอหรือเปล่า ฟินน์ก็เลยจำต้องอ้อนวอนจากเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันเรียนอย่างลีน่า (เลอา อัคเคน) รวมทั้งซาไม่ล่า (คราวยาน มาราย) ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่กับตัวเขาเป็นยังไงกันแน่

The Privilege เดอะ พริวิเลจเป็นหนังที่ถือเอาการราวเหนือธรรมชาติ เข้ามาผสมกับวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเชื้อราที่ผลิออกออกมาจากศพ ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทของคนที่รับประทานหรือสูดกลิ่นสารพวกนี้เข้าไป แม้กระนั้นเปลี่ยนเป็นว่ากลางทางของเรื่องหนังสับขาหลอกผู้ชมไปๆมาๆให้ไขว้เขวไปไขว้เขวมา ก่อนจะโยนผลสรุปใส่หน้าผู้ชมว่า อ่อที่พวกเราเล่าๆมาก่อนหน้านี้เป็นการจ้อจี๋นะ เพราะเหตุว่าที่จริงแล้วโชคร้ายที่หนังเปิดเรื่องมาได้ออกจะน่าติดตาม ทิ้งเงื่อนก้อนใหญ่ให้ผู้ชมต้องการจะร่วมค้นหาคำตอบของการเกิดที่ผู้แสดงนำอย่างฟินน์ได้พบมาตั้งแต่เด็ก

ดูหนังฝรั่ง

แต่ว่าแปลงเป็นว่ายิ่งหนังเล่าราวกลางทาง ในหลายๆครั้งฉากที่ถูกใส่เข้ามามองไม่สำคัญรวมทั้งทำให้เรื่องราวไม่จบสิ้น ยังไม่รวมถึงข้อสรุปที่คลี่คลายออกมาแล้วทำให้ผู้ชมคิดว่า นี่ฉันเอาเวลากว่า 2 ชั่วโมงมานั่งดูอะไรอยู่เนี่ยเดอะ พริวิเลจ หรือ The Privilege ชื่อซึ่งก็คือกลุ่มของผู้คนที่มีสิทธิพิเศษ ซึ่งเรื่องก็เอ่ยถึงฟินน์แล้วก็ครอบครัวที่เป็นฝูงคนมีฐานะ ซึ่งการจะมีสิทธิพิเศษสำหรับคนพวกนี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้กระนั้นสิทธิพิเศษนี้เป็นยังไงแล้วก็มีผู้ใดบ้างที่ได้สิทธินี้ และก็จะต้องทำยังไงถึงได้มา หนังผูกปมซะทำต้องการมองเลย ยิ่งให้ฟินน์

เป็นคนสืบสาวด้วยยิ่งน่าดูเข้าไปอีก ตอนมองก็ทำลุ้นว่าฟินน์นี่เป็นต้นเหตุของเรื่องหรือเป็นเหยื่อของเรื่อง มีหักมุมบ้างบางส่วนทำน่าดึงดูด มีแทรกสอดความโรแมนซ์ของวัยรุ่นเข้าไปด้วย มีทั้งยังเลิฟซีนและก็ภาพงานเลี้ยงของกลุ่มวัยรุ่น แม้กระนั้นบทก็มีบ้งๆบ้างช่วงท้ายเรื่อง มองจบแล้วอาจมีหลายปริศนาเดอะ พริวิเลจ หรือชื่อในภาษาเยอรมันเป็น Das Privileg เปิดตัวเรื่องมาได้น่าดึงดูด มีการผูกปมวัยเด็กของฟินน์ ผู้แสดงนำของเรื่อง แล้วเบาๆเล่าผ่านมุมมองของฟินน์ ส่วนตัวรู้สึกว่าเกือบจะทั้งยังเรื่องทำเป็นน่าติดตาม จะพึงใจก็ในขณะที่ฟินน์อยู่กับเพื่อนฝูงสาวถึงสองคน

ในสถานที่จัดงานงานเลี้ยง ในช่วงเวลานั้นบอกตง งง ใส่ซีนนี้มาเพราะอะไร  ดูหนังฝรั่ง  มันก็มองเพลิดเพลินอยู่ แต่ว่ารู้สึกมันไม่ค่อยจะเข้ากับเหตุการณ์เท่าไร่ ราวกับอุตสาหะยัดทุกสิ่งทุกอย่างใส่เข้าไปในหนัง (ทั้งยังผี ซาตาน หมอปราบผี รักวัยรุ่น แผนคบคิด) ทำให้ความน่าขนลุกของความเป็นหนังสยองขวัญดร็อปลงไปพอควรหนังประเด็นนี้เป็นหลายแนวผสมๆกันอย่าง ทริลเลอร์ สืบสาว ผี ไซไฟ ซึ่งส่วนประกอบแต่ละอย่างก็เป็นสูตรสำเร็จที่มีทำมาก่อนแล้วทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นงานสร้างมาจากเยอรมันก็มิได้มีความคิดว่าแปลกไม่เหมือนกันกับหนทางของฮอลลีวู๊ดเลยแม้แต่น้อย

เริ่มตั้งแต่เค้าเรื่องลัทธิบูชาภูติผีปีศาจที่ทำกันมาบ่อยๆเป็นให้ผู้คนรอบกายเอกซ่อนความลับไว้ แล้วผู้แสดงนำไปมองเห็นพวกพิธีบูชาต่างๆแต่ว่าก็โดนกล่าวหาบ้าเป็นภาพลวงตาที่เขาคิดขึ้นมาเอง ซึ่งตัวเรื่องแม้ว่าจะอุตสาหะหลอกผู้ชมนิดๆว่าผู้แสดงนำบางทีอาจจะบ้าเองจากยาที่รับประทานมาตลอดก็ได้ แต่ว่าก็มิได้เป็นหัวข้อสำคัญอะไร เพราะเหตุว่าเรื่องก็มิได้ปกปิดเลยว่าสิ่งที่ผู้แสดงนำมองเห็นไม่ใช่อาการหลอน แค่นำหัวข้อนี้มาบ่ายเบี่ยงนิดๆว่าสิ่งที่ผู้แสดงนำมองเห็นเป็นอย่างไรกันแน่มากยิ่งกว่า

พ้อยท์สำคัญของเรื่องเป็น ผู้แสดงนำมักมองเห็นอสุรกายที่มาในรูปเหมือนพญายมอยู่เป็นประจำอีกทั้งในรูปลักษณ์ควันดำ คนใส่ชุดปกคลุมหัว ซึ่งชี้แจงมิได้ว่าเพราะอะไร นอกเหนือจากยาที่เขารับประทานเข้าไปประจำดังที่แพทย์ประจำตัวสั่งให้รับประทาน ตัวบทเขียนเรื่องยาตัวนี้ผูกกับเชื้อราปรสิตมดที่มีจริง ซึ่งในเกม The Last of Us ก็ประยุกต์ใช้เปลี่ยนแปลงผู้คนในโลกหายนะให้เป็นอะไรที่คล้ายซอมบี้ ในประเด็นนี้ก็มีการปูในทำนองนี้ไว้เหมือนกัน เป็นการนำแนวไซไฟชีววิทยาศาสตร์มาผูกรวมกับผีภูติผีปีศาจให้เข้ากันได้ ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ใช้ได้อยู่แม้ว่าจะไม่แปลกใหม่อะไรนัก แม้กระนั้นเนื่องจากว่าผู้เขียนบทตั้งมั่นทำหนังหัวข้อนี้เป็นเพียงแค่จุดแรกเริ่มปูเรื่องเพื่อทำภาคต่อ

อะไรหลายๆอย่างในหัวข้อนี้ก็เลยถูกชี้แจงมาแบบปกคลุมๆคลุมเครือนักว่า ยานี้ก่อให้เกิดผลเสียอะไรเพียงใด แล้วอสุรกายที่มองเห็นเป็นอย่างไร มาจากไหน ซึ่งถึงแม้พวกเราจะพอเพียงโยงเรื่องได้ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แม้กระนั้นในข้อเท็จจริงๆก็ถูกทำค้างไว้เพื่อไว้ทำภาคต่อแบบแน่ชัดในตอนสุดท้าย ไม่ใช่แบบตบท้ายตามสูตรหนังสยองขวัญธรรมดาสิ่งที่ดูดีจริงๆเป็นพวก CG ในเรื่องมากกว่า ซึ่งมีหลายฉากที่เรื่องจะต้องใช้ CG อย่างการเห็นปีศาจร้ายของตัวนำ ฉากซาตานออกมาทั้งหลายแหล่ในประเด็นนี้จัดว่าทำออกมาก้าวหน้าเลย

แม้กระนั้นก็ขาดความน่าสะพรึงกลัวแบบที่ควรเป็น ออกเป็นแถวภูติผีแบบครึ่งหนึ่งแฟนตาซีมากยิ่งกว่า  ดูหนังฝรั่ง  แต่ว่าฉากที่ออกแนวสยดสยองหน่อยจะเป็นฉากที่เกี่ยวกับการถึงแก่กรรมของผู้แสดงในเรื่องที่ควรมีอะไรอยู่ในปาก รวมทั้งผ่ามันออกมา ซึ่งตัวหนังก็ทำให้นึกถึงพวกแนวเอเลี่ยนแอบแฝงในตัวคนอะไรแบบงั้นเข้าไปอีก กระทั่งเสมือนตั้งมั่นเอาทุกแนวสยองขวัญมารวมกันในเรื่องเดียวให้ได้

ถึงตัวเรื่องจะเอาแบ็คกราวด์ในสถานที่เรียนมาใช้ แม้กระนั้นก็ถูกประยุกต์ใช้เพียงแค่หละหลวมๆมิได้มีหัวข้อในสถานศึกษาเข้มข้นอะไรอย่างที่ต้องมี ทั้งยังเรื่องบูลลี่ก็ใส่มาเพียงแค่ผิวเผินว่าผู้แสดงนำเป็นคนแปลกๆในสถานศึกษาเลยโดนหัวหน้าแกล้ง หรือการแอบรักสาวเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันก็เบาหวิวมิได้มีอะไรพิเศษ แม้กระนั้นก็ยังพากเพียรให้มีฉากเลิฟซีนเข้ามาจนได้ แถมเป็นแถวสวิงกิ้ง 3 คนด้วย ซึ่งก็ไม่เคยรู้ใส่มาเพราะเหตุไรเนื่องจากมิได้กับเหตุการณ์ในตอนหน้าสิ่วหน้าขวานเลย รวมทั้งมิได้ส่งผลกับเรื่องราวภายหลังด้วย หรือหากจะมองดาราวัยรุ่นงามหล่อก็มิได้มีดีอะไรขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน

 

Smile ยิ้มสยอง

หนังสยองขวัญสเกลเล็กเรื่องใหม่ของค่ายดาวเทือกเขา พาราเมาท์ พิคพบร์ส (Paramount Pictures) หัวข้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เอาการของรอยยิ้มอันน่าขนลุกมานำเสนอ ซึ่งหนังหัวข้อนี้มีที่มาน่าดึงดูดมากมาย เพราะว่ามันถูกปรับปรุงพล็อตเรื่องเริ่มแรกมาจาก ดูหนังฟรี ‘Laura Hasn’t Slept’ (2020) หนังสั้นผลงานของ ขว้างร์กเกอร์ ฟินน์ (Parker Finn) ที่ลงมือเขียนบทแล้วก็ควบคุมเองมาก่อนหนังหัวข้อนี้ได้ไปครอบครองรางวัล Special Jury Recognition Prize จากสายการแข่งขัน Midnight Short Award จากเทศกาลหนัง SXSW Film Festival 2020 และก็ครอบครองรางวัลจาก Fantastic Fest 2022 งานแข่งขันหนังสายแปลกมาก่อนหน้านี้ด้วย

จนถึงท้ายที่สุด ฟินน์ก็ได้ได้โอกาสนำเอาหนังสั้นประเด็นนี้มาปรับปรุงต่อแปลงเป็นหนังยาว โดยตอนต้นตัวหนังประเด็นนี้แทบจะได้เปลี่ยนเป็นหนังออริจินัลบนสตรีมไม่ง Paramount+ แต่ว่าเนื่องจากว่าตอนฉายรอบ Test Screening กระแสฝูงคนมองค่อนไปทางบวก ประธานก็เลยไฟเขียวให้ปรับปรุงถัดไปเป็นหนังฉายโรงแทนอย่างที่มองเห็นกันหนังเล่าภายหลังที่พานพบมองเห็นกับอุบัติเหตุสุดแปลกแล้วก็เศร้าโศกที่เกิดสังกัดคนเจ็บของตนเอง ดร.โรส คอตเตอร์ ก็เริ่มพบว่าตนเองเผชิญเจอกับความน่าสะพรึงกลัวบางสิ่งที่คุณก็ชี้แจงออกมาเป็นคำบอกเล่ามิได้

คุณจะต้องประจันหน้ากับอดีตกาลที่หนัก กับหามจิตใจของตนหนีออกมาจากความเป็นจริงในขณะนี้ที่่ยิ่งน่าน่ากลัวมากยิ่งกว่า ภายใต้รอยยิ้ม..สยดสยองนั้นสยองขวัญชื่นชอบสายนี้แน่ๆดร.โรส คอตเตอร์ (Sosie Bacon) จิตแพทย์สาวที่บังเอิญได้เผชิญเหตุแปลกเศร้าโศกของ ลอรา วีฟเวอร์ (Caitlin Stasey) นิสิตสาวผู้เจ็บป่วยจิตเวชศาสตร์คนหนึ่ง ที่มากับรอยยิ้มสุดน่ากลัว เหตุนั้นทำให้คุณจำเป็นต้องเจอพบเห็นกับเหตุสยดสยองที่ครอบครองตามติดคุณเป็นเงา แถมยังไม่สามารถที่จะจะชี้แจงให้คนไหนฟังได้ คุณก็เลยจำต้องพบเจอกับสมัยก่อนอันแสนเสียใจ รวมทั้งมานะแอบหนีสิ่งลึกลับอันน่ากลัวที่มาในลักษณะของรอยยิ้ม

ผลงานเดบิวต์หนังใหญ่เรื่องแรกของ “พาร์คเกอร์ ฟินน์” นักสร้างภาพยนตร์ชายหนุ่มเจนใหม่ที่มีประสบการณ์การทำงานหนังสั้นรวมทั้งอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังโปรเจกต์อื่นๆมาได้สัก 4-5 ปี ขณะนี้เขาก็ได้รับจังหวะยิ่งใหญ่สำหรับเพื่อการปลุกปั้นหนังเขย่าขวัญจากไอเดียและก็แนวความคิดของตนเอง ด้วยการถือเอาคำกริยาอันเป็นธรรมชาติมนุษย์มากมายลั่นกรองออกมาเป็นหนังสยองขวัญแล้วก็น่าขนพองสยองเกล้าหากว่าคอนเซ็ปต์แล้วก็ไอเดียของ Smile จะค่อนข้างจะดูแล้วเวิร์กก็ตาม แม้กระนั้นเมื่อลองสัมผัสรายละเอียดและก็เนื้อในจากในตัวหนังอีกทั้งประเด็นนั้น

ยังพบว่าหนังยังมีช่องโหว่อยู่เยอะไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนใจเรื่องน้ำหนักของแกนเรื่อง ดูหนังฝรั่ง  ที่โชคร้ายที่หนังเกือบทำออกมาก้าวหน้าใช้ได้แล้ว แต่ว่าน้ำหนักในส่วนประกอบหลักต่างๆยังค่อยข้างเบาเหวงไปสักนิดสักหน่อย ก็เลยทำให้แกนความดราม่าแล้วก็ความสยดสยองต่างๆราวกับยังเล่นได้ไม่สุดทางพลาดท่าเดียวการเล่าเรื่องของ Smile ก็นับว่าเป็นจุดที่ขาดตกบกพร่องไปอย่างโชคร้าย เนื่องจากนี่แปลงเป็นหนังสยองขวัญที่มีความยาวเกือบจะ 2 ชั่วโมง แม้กระนั้นน้ำหนักของแกนประเด็นต่างๆยังไม่อาจจะหามตัวเรื่องไปได้ตลอดทางนัก

ก็เลยทำให้หนังให้ความรู้ความเข้าใจสึกที่ยืดยาวไปสักนิดสักหน่อย ถ้าหากทำให้กระชับขึ้นกว่านี้สักนิดสักหน่อย หั่นออกไปสัก 15 นาที รู้สึกว่าหนังจะบริบูรณ์กว่านี้ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากโทนการเล่าเรื่องที่แสนจะปกติของหนัง เพียงพอมาเพิ่มเติมกับเรื่องราวที่สูตรสำเร็จไปเสียหมด ก็เลยทำให้แปลงเป็นหนังสยดสยองที่ยังไม่มีอะไรที่เด่นแล้วก็ปกติเดิมๆไปจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าไอเดียของ Smile ออกจะใช้ได้อย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นหนังยังค่อนข้างจะกระพร่องกระแพร่งในส่วนของการเล่าเรื่องไปสักนิดสักหน่อย ยังไม่อาจจะสร้างแรงกระตุ้นแล้วก็อารมณ์ร่วมกับผู้ชมได้ตลอดทาง

ตอนแรกๆหนังกระทำปูเรื่องค่อนข้างจะนานไปหน่อย กว่าจะมาเข้าเส้นเรื่องในองก์ถัดไป อารมณ์ของผู้ชมก็แทบกระเจิงไปแล้ว รวมทั้งจุดต่างๆของหนังก็ใส่เข้ามาตามสูตร เพียงแค่มองไปเรื่อยก็จะสามารถจับทางและก็คาดคะเนแนวทางของหนังได้อย่างไม่ยากเย็นมากแค่ไหนเงื่อนต่างๆที่ใส่เข้ามาได้อย่างมีความนัยยะ แต่ว่าปรากฏว่ามิได้รับการขยี้ได้อย่างลึกซึ้ง เพราะว่าเมื่อมาถึงช่วงท้ายเรื่องที่แทบจะเป็นองก์ที่สะเปะสะปะแล้วก็ใกล้จะออกสมุทร ด้วยเหตุว่าหนังเพียรพยายามมองหาทางลงให้เกิดความงดงาม

แม้กระนั้นหารู้ไม่ว่าผู้ชมก็คงจะคาดการณ์ถึงผลสรุปกันได้อยู่แล้ว หนังยังค่อนข้างจะทำผลสรุปต่างๆเอาไว้ได้ไม่ค่อยต้องตาต้องใจสักเท่าไหร่ เป็นการคลายเงื่อนเอาไว้แบบใจป้ำ ที่ในตอนท้ายก็แปลงเป็นเงื่อนที่คลายได้ไม่ถึงแก่นการเล่าเรื่องดีเลิศแบบระดับ 10 ดาวส่วนทางพาร์ทการแสดงนั้น จำต้องพูดว่าหนังมิได้ใช้บริการดาราแถวหน้าสักเท่าไหร่ นำกลุ่มมาโดย “โซซี่ เบคอน” ที่นับว่ารับหน้าที่หามหนังประเด็นนี้เอาไว้อีกทั้งเรื่องเกือบผู้เดียว และก็การแสดงของคุณก็จัดว่าน่าพึงพอใจ แม้ว่าจะมิได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกว้าวแล้วก็ละลานตาสะดุ้งอะไรสักเท่าไหร่

แม้กระนั้นอีกทั้งซีนหลอนรวมทั้งซีนอารมณ์ต่างๆของคุณ ก็จัดว่าทำออกมาได้ปราดเปรียวแล้วก็เพียรพยายามทำให้ผู้ชมเชื่อจริงๆกับสิ่งที่คุณกำลังพบเจออยู่นี่ไม่ใช่หนังผีแบบตรงๆแม้กระนั้นเป็นหนังสยองขวัญครึ่งหนึ่งๆหนังคำสาปแช่ง ครึ่งๆหนังทริลเลอร์อะไรแบบงี้มากยิ่งกว่า ซึ่งโทนของหนังก็จะออกไปทางหนังจะต้องคำสาปแช่งแนวคล้ายกับ ‘It Follows’ (2014), ‘The Babadook’ (2014) หรือไม่ก็ย้อนไปไกลถึง ‘The Ring’ (2003) โน่นเลย เพียงแต่ว่าหนังประเด็นนี้เลือกที่จะเอาหัวข้อเกี่ยวกับจิตวิทยามาเป็นธีมหลัก

บางครั้งอาจจะยังไม่ถึงกับขนาดอาร์ตขาๆเชิญแปลความหมาย  ดูหนังฝรั่ง  แม้กระนั้นเป็นการถือเอาปัญหาเรื่องจิตวิทยามาเล่น เป็นเงื่อนให้ผู้แสดงนำพบเจอกับการค้นหาต้นเหตุของคำแช่งยิ้มสยดสยองซะมากยิ่งกว่าตัวหนังสามารถเอาข้อความสำคัญปมทางด้านจิตวิทยามาสะท้อนผ่านตัวหนังได้ อีกทั้งหลักสำคัญเกี่ยวกับรอยยิ้ม และก็ Conflict ในด้านของการสะท้อนให้เห็นภาพอันย้อนโต้เถียงของจิตแพทย์ที่รอรักษาผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตว่าเป็นผู้ที่คงจะควบคุม รู้เท่าทัน มีความสามารถมากพอที่จะคุมสติของตน รวมทั้งคงจะต่อกรกับอาการสติแตกได้ แต่ว่าดันจำเป็นต้องมาพบเจอกับสถานการณ์ที่ชักชวนให้หม่นหมอง กลัว ผวา โดนอดีตกาลตามหลอกแทบจะสติแตกซะเอง

ยิ่งพอเพียงมาขมวดกับหลักสำคัญของความที่คนที่อยู่รอบข้างคุณนั้นต่างก็ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่คุณพบ รวมทั้งคุณเองก็ไม่ทราบว่าจะชี้แจงว่าไอ้คำสาปแช่งรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ตายนี่มันคืออะไร ก็ยิ่งเชิญให้บีบคั้น งงงัน เหงาหงอย แตกต่างหนักมากขึ้นไปอีกพอเพียงแพทย์โรสพบกับคำแช่ง ตัวหนังก็ยังสะท้อนสิ่งที่โรสพบผ่านอารมณ์ ความย้อนโต้แย้งด้วยอาการต่างๆที่จะว่าไปรวมทั้งสามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์ลักษณะของการป่วยด้านจิตที่เจอได้ในทางจิตวิทยา อีกทั้งสภาพการณ์ด้านจิตข้างหลังพบเรื่องสะเทือนจิตใจร้ายแรง

หรือ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) โรคกลัดกลุ้ม (Depression)โรคแพนิก (Panic Disorder) รวมทั้งโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือ OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) ซึ่งสิ่งที่โรสกำลังเป็นข้างหลังพบเหตุนั้นก็ดูเหมือนคล้ายกับรอยโรคที่ระบุให้แปลความได้ว่า คุณคงจะกำลังจะมีอาการทางจิตใจอะไรได้บ้าง ซึ่งมันก็สะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าตัวหนังเฉลี่ยวฉลาดสำหรับในการจับเอาหัวข้อจิตวิทยามารื้อสร้างใหม่ รวมทั้งสร้างบรรยากาศบีบคั้นเชื้อเชิญให้สติแตกได้เข้าท่าเข้าทางดีทีเดียว

 

Athena อเธน่า

เรื่องราวเริ่มดูเหมือนจะสงบนิ่งต่อการจากไปของน้องชายของ Abdel ที่กำลังยืนแถลงข่าวโดยมีตำรวจแล้วก็นักการเมืองประชิดข้าง เขาบอกว่ากำลังคอยข้างตำรวจสอบสวนเพื่อนำตัวคนฆ่าน้องชายเขามารับโทษ รวมทั้งขอให้ผู้คนอยู่ในความเงียบสงบ “เพื่อรำลึกถึง Idir เพื่อน้องชายผม ขอให้ทุกคนอยู่ในความเงียบสงบ พวกเราจะจัดงานเดินระลึกในวันพรุ่ง” Abdel กล่าวจบท้าย แต่ว่าภายใต้ความเงียบอันเสียใจนั้น ยังมี Karim และก็ฝูงชนแบบใหม่ที่อเธน่าที่สะสมความแค้นที่ล้นหลามเอาไว้ เขาตกลงใจเริ่มปะทะกับกองตำรวจด้วยการโยนขวดน้ำมันก่อไฟแล้วบุกในโรงพักเพื่อลักขโมยเอกสารและก็อาวุธ รวมทั้งนับจากหนังเปิดเรื่องมาในขณะ 10 นาทีแรก ความเดือดระทึกแบบไม่มีพักก็เกิดขึ้นแบบตลอดโดยไม่มีสั่งคัต

หากว่ามนต์ยอดเยี่ยมในโลกภาพยนตร์ที่สะกดความพึงพอใจให้แก่ผู้ชมอย่างวิธีการถ่ายแบบสม่ำเสมอในหนึ่งเทค หรือที่เรียกกันกล้วยๆว่า Long Take จะไม่ใช่ของใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นแบบชัดแจ้งคราวแรกตั้งแต่ปี 1948 ในรูปภาพยนตร์เรื่อง Rope ของ Alfred Hitchcock แต่ว่า Athena ก็เลือกใช้แนวทางนี้สำหรับในการเล่าของการรบขนาดเล็กนี้ แล้วก็หากว่าสเกลของการถ่ายทำแบบ Long Take จะไม่ยิ่งใหญ่เท่า The Revenant (2015) หรือ 1917 (2019) แม้กระนั้นก็ถือว่าเป็นความกล้าของคณะทำงานที่นำเอามุมมองที่เกี่ยวกับการบ้านการเมือง เชื้อชาติ แล้วก็ความเท่าเทียม ที่มันสนิทสนมกับบริบทแบบเดี๋ยวนี้อย่างมาก มานำเสนอด้วยเคล็ดวิธีที่มั่นใจว่ามันจะก่อให้มองสมจริงสมจังมากเพิ่มขึ้น

เมื่อการรวมกันต่อต้านเปลี่ยนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับสังคมในยุคนี้การประชุมคัดค้านเปลี่ยนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคมที่เชื่อมโยงกับทุกมิติด้านสังคมไปด้วย ซึ่งในประเทศฝรั่งเศสเองก็มีการต่อต้านตลอดนาน ต่อต้านในดูเหมือนจะทุกเรื่อง ซึ่งนับว่าเป็นสิทธิขั้นต้นของสามัญชนตามระบบประชาธิปไตย แม้กระนั้นปัญหาคือการต่อต้านที่แพร่กระจายแย่ลงกว่าเดิมเปลี่ยนเป็นความปั่นป่วนอยู่หลายครั้ง ซึ่งในไทยเองก็ตามรอยมาติดๆด้วยเหมือนกัน ตัวหนังหัวข้อนี้ทางผู้ผลิตก็เลยเสมือนอยากเซ็ตเลียนแบบเรื่องราวกระตุกสังคมให้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง

ตัวเรื่องเปิดมาก็เป็นไม่มีปูอะไรให้ผู้ชมได้มองเห็นคลิปที่มาของเรื่องที่ว่าเลย ดูหนังฝรั่ง  แม้กระนั้นเป็นการที่คนประท้วงบุกโรงพักเพื่อลักขโมยปืน ก่อความร้ายแรง เอาชุมชนที่อยู่อาศัยในเขตนั้นที่เป็นชุมชนทรุดโทรมอยู่แล้วมาเป็นป้อมต่อสู้กับตำรวจ โดยวางเงื่อนไขให้เอาคนผิดมาประหาร แต่ว่าตำรวจก็ยืนกรานว่าเป็นพวกขวาจัดที่เลียนแบบเป็นตำรวจ โดยมีตัวแกนนำเป็นพี่ชายสองคนของน้องที่ตายไป แล้วเลือกยืนคนละฝั่ง คนหนึ่งพากเพียรช่วยตำรวจหาคนผิดเพื่อม็อบสงบ อีกคนเพียรพยายามปลุกปั่นความร้ายแรงเพื่อตำรวจดำเนินการ

ซึ่งทั้งยังเรื่องแทบไม่มีเรื่องราวราวอะไรมากยิ่งกว่านี้ จะเรียกว่าแทบกลวงโบ๋เลยก็ได้ เพราะว่าเกือบจะไม่มีหลักสำคัญอะไรให้มองเห็นสัมผัสได้จริงๆเว้นแต่เพียงแค่ความหัวร้อนของนักแสดงในเรื่องที่ไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าใดประเด็นนี้ก็มีคุณลักษณะเด่นอยู่ที่การเลียนแบบฉากสถานะการณ์คัดค้านร้ายแรงสม่ำเสมอปะทะกับตำรวจได้อย่างน่าดึงดูด ตั้งแต่ฉากแรกที่เป็นการบุกโรงพักทำลายสินทรัพย์ชิงทรัพย์สิ่งของเครื่องใช้อาวุธของตำรวจไปตั้งป้อมทำม็อบ หรือฉากการประจันหน้าตบตีกันในเรื่อง ที่ข้างตำรวจก็มีตะบอง ลูกปืนยาง

ม็อบมีดอกไม้เพลิงไฟ ขวดระเบิดเพลิง ตัวหนังสร้างฉากเหล่านี้ออกมาสม่ำเสมอ จนถึงเรียกว่าเกือบจะแทนการเดินเรื่องจริงๆไปเลย แล้วก็ทำออกมาได้บีบคั้น มีอารมณ์ปะทุ คลุ้มคลั่ง อ่อนล้า ความหวาดกลัว ของทั้งสองฝ่ายแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และก็ถ้าหากคนใดกันมีระบบระเบียบเสียงแยกแนวทางนี่ยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีกเพราะว่าเสียงเล็กๆน้อยวิ่งไปๆมาๆอลเวงมากมาย ซึ่งตัวเรื่องก็เพียรพยายามทำฉากกลุ่มนี้ออกมาให้ไม่เหมือนกัน เป็นอีกทั้งการเลียนแบบยุทธวิถีต่อสู้ของตำรวจกับม็อบ การจับรับรองมาต่อรอง

ดูหนังฝรั่ง

 

ไปจนกระทั่งการวางระเบิดด้วยถังแก๊ซในครอบครัว จนถึงเสมือนหนังที่อยากขายความร้ายแรงสาแก่ใจออกมาให้มองเห็นมากยิ่งกว่าการสะท้อนสังคมถึงปัญหาม็อบและก็เนื่องจากว่าเรื่องเกือบจะเสนอแต่ว่าฉากการประจันหน้ากันของม็อบกับตำรวจ ช่วงท้ายเรื่องก็เลยเสมือนมานะหาทางลงดื้อรั้นๆตัวเรื่องก็เลยจบลงแบบง่ายๆตบท้ายไว้ด้วยความร้ายแรงสักหน่อยจบท้าย ก่อนที่จะฉายคลิปที่คือปัญหาให้มีความคิดเห็นว่าคืออะไร รวมทั้งเฉลยคำตอบแบบแนะนำเลยว่า ความร้ายแรงแบบในเรื่องอาจจะมีการเกิดได้ไม่ยากจากมือที่ 3 โดยมีโซเชียลมารอสนับสนุนให้เรื่องอย่างงี้เกิดขึ้นได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเรื่อยด้วยเช่นเดียวกัน

ผลงานของผู้กำกับ “โรแมง เอ็งฟราส” ที่จำเป็นต้องพูดว่าไม่ค่อยคุ้นกับผลงานสักเท่าไหร่ เพราะว่าเขาเองก็เพิ่งดูแลหนังยาวมาก่อนหน้านี้เพียงแค่ 2 เรื่อง บางทีก็อาจจะคุ้นๆกับ The World Is Your แม้กระนั้นก็ยังไม่มีช่องทางได้มอง สไตล์งานของผู้กำกับรายนี้ชอบจับเอาใจความสำคัญดราม่าอาชญากรรมมาเล่นอยู่เสมอๆแล้วก็การมาของ Athena ก็ดูอย่างกับว่าจะยังไม่ทิ้งลวดลายแบบเฉพาะของเขาอย่างเช่นเดียวหนังยังจับใส่หลักสำคัญเรื่องไม่เหมือนกันด้านเชื้อชาติแล้วก็ศาสนาที่สะท้อนถึงกรุ๊ปผู้ลี้ภัยที่มีปริมาณมากขึ้นในประเทศ

ท่ามกลางการสู้รบตบมือกับกรุ๊ปที่มองไม่เห็นถูกใจและก็ดูถูกเชื้อชาติภายในประเทศ ดูหนังฝรั่ง  หล่อรวมออกมาเป็นหนังอลหม่านสุดเข้มข้น ที่เด่นด้วยลีลาท่าทางการเล่าเรื่องรวมทั้งส่วนประกอบการผลิตที่สร้างความละลานตาให้กับผู้ชมตลอดระยะเวลาชั่วโมงกว่าๆของหนังหัวข้อนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ลูกปืนดอกไม้เพลิงที่เปลี่ยนเป็นซีนที่มีชีวิตชีวาที่ดุดันแน่ๆว่าคุณลักษณะเด่นของ Athena ก็คือการใช้วิธีการเล่าแบบทดลองเทค (long take) ที่ลากช็อตยาวๆต่อเนื่องกันไปในเรื่องนั้น แม้ว่าจะมิได้ใช้เคล็ดวิธียาวย้วยไปตลอดทั้งเรื่อง

แต่ว่าก็จัดว่าอยู่ในจังหวะจะโทนที่ออกจะถูกใจ ไม่ใช่เป็นการแออัดยัดเยียดฉากวันเทคแบบขาดๆเกินๆให้กับผู้ชมมากจนเกินไป จนกระทั่งเสียอรรถรสแล้วก็ความเกี่ยวเนื่องของหนังหนังยังมีการตัดต่อเข้ามาช่วยเสริมอยู่บ้าง เพราะเหตุว่าจะเลือกจุดโฟกัสที่นักแสดงราวๆ 3-4 ตัวเป็นหลัก แม้บอกกันตามจริงนั้น แนวทางทดลองเทคแบบนี้ก็มีทั้งยังส่วนที่ดีและส่วนที่เสียคละเคล้ากันไปในหนังประเด็นนี้ อย่างต่ำๆหนังก็จัดว่าเล่าออกมาได้บันเทิงใจแล้วก็บิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้เป็นลำดับขึ้นเรื่อยไปถึงจุดหมายที่พีตไปถึงขนาดสุด และก็วันเทคก็นับได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่ตื่นเต้นผู้ชมได้อยู่

แม้กระนั้นจุดด้วยของการใช้ทดลองเทคเป็นประจำแบบนี้นั้น ก็เป็นการไม่มีค่าหนังไปในตัวดังเช่นเดียว  เว็บพนันบอล ดีที่สุด bettingdream  ในส่วนของการถ่ายทอดมุมมองของหนังที่ออกจะแทบจะเกินความจำเป็น รวมทั้งบางจุดก็ค่อนข้างจะซ้ำจากจำเจและไม่ค่อยน่าสนใจดวงใจได้ซักเท่าไหร่ และก็บางครั้งก็อาจจะเป็นเงื่อนที่ทำให้ในบางช่วงของหนังมองออกจะน่าระอา และก็ผู้ชมก็ไม่อาจจะจับได้ทันว่าที่ไหนของหนังเป็นหลักแหล่งสำคัญกันแน่ เพราะว่ามองสไตล์เรื่องราวกับจะเล่าไปเรื่อยตามทางของมุมภาพ

ทางการด้านของแสดงนั้น แม้ว่าจะยังไม่เคยรู้จักรวมทั้งมองผลงานการแสดงของดาราหนังกลุ่มนี้มาก่อนก็ตาม แต่ว่าก็จัดว่าพวกเขาถ่ายทอดอารมณ์รวมทั้งอินเนอร์ได้ค่อนข้างจะถูกใจ โดยยิ่งไปกว่านั้น “ดาลิ เบนซ์ซาลาห์” ศิลปินชายหนุ่มลูกครึ่งแอลจีเรีย ที่เปลี่ยนเป็นนักแสดงที่แบกรับหนังทั้งยังเรื่องไปได้สุดทาง เหมือนกับศิลปินใหม่ “ซามี ซลีมาน” ที่เป็นงานเดบิวต์ที่น่าประทับใจของเขาทีเดียว

 

Your Christmas or Mine

แน่ๆว่าย่างไปสู่เดือนท้ายที่สุดของปีอย่างนี้ พวกเราจำเป็นจะต้องถูกถั่งโถมด้วยกองทัพหนังละมุนอบอุ่นในตอนวันเทศกาลท้ายปีแบบซ้ำๆ แล้วก็เริ่มเปิดเดือนนี้ด้วยอีกหนึ่งหนังรักที่ดูไกลๆก็คงจะเฉิ่มพอได้กับ “Your Christmas or Mine?” หนังรอมคอมที่นำเอาความเป็นวันคริสต์มาสประจำตัวมาตกแต่งสร้างสีสันผสมกับใจความสำคัญที่ครอบครัวที่มองง่าย ย่อยง่าย และก็รู้เรื่องอบอุ่นติดไม้ติดมือกลับไปด้วยYour Christmas or Mine? เล่าราวของคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันที่พึ่งคบกันไม่นาน ระหว่าง เฮย์ลี่ กับ เจมส์ ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาสอันแสนอบอุ่น ทั้งสองได้โบกไม้โบกมือลากันที่สถานีรถไฟ เพื่อแยกย้ายกลับไปฉลองเทศกาลกับครอบครัว แต่ว่าทั้งสองกับคิดที่จะเซอร์ไพรส์กันและกัน

แล้วก็ทำให้พวกเขาพลาดกันไปคนละแนวทาง ขณะนี้เฮย์ลี่มาอยู่ที่คฤหาสน์หรูหรา ในขณะที่เจมส์โผล่มาอยู่บ้านของแฟนสาว ต่างคนต่างพึ่งจะได้ทำความรู้จักครอบครัวของแต่ละคน แต่ว่าไม่ใช้ว่าจะง่ายเลยจะบอกตามจริงเป็น Your Christmas or Mine? ก็เป็นหนังสูตรสำเร็จจ้ะๆที่เกือบจะพกแบบที่การบรรลุผลรูปมาจับวางไว้ภายในหนังแบบแป๊ะๆเลย ยิ่งเป็นหนังจากฝั่งอังกฤษด้วย ความบริติชก็เลยอบอวลไปทั่วอณูของหนัง แต่ว่าโน่นก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่หนังอังกฤษชอบทำออกมาได้เวิร์กเสมอ

ดูหนังฝรั่ง

ถึงแม้พล็อตจะง่าย สตอปรี่เฉิ่มเชยไม่มีอะไรใหม่เลย ดูหนังฝรั่ง   แต่ว่าก็สามารถร้อยเรียงเรื่องราวออกมาให้มองได้สนุกสนาน ด้วยจังหวะที่พอดีของหนังตนเองหนังค่อนข้างจะเล่าได้บันเทิงใจ ตั้งแต่เปิดเรื่องมากับฉากที่สถานีรถไฟ หากว่ามันจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่เท่าไร แม้กระนั้นองค์ประกอกต่างๆของหนังที่ถูกใช้มาบรรคุณยายเอาไว้นั้น ก็ทำให้หนังเชิญติดตามไปด้วย อย่างที่บอกไปแล้วว่า บทหนัง Your Christmas or Mine? บางครั้งอาจจะไม่ใช่อะไรใหม่ ก็แค่สลับบ้านกันไปพบกับคนใหม่ๆแล้วก็เริ่มทำความรู้จักที่เริ่มจากศูนย์ แล้วก็เป็นการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน พล็อตง่ายก็ก็เลยทำให้เป็นหนังที่มองได้ง่าย

ทางฝั่งด้านการแสดง “เอซา บัตเตอร์ฟิลด์” กับ “วัวร่า เคิร์ก” นับว่าเอาอยู่กับการช่วยกันหามหนังทั้งยังเรื่องเอาไว้ การแสดงอันเป็นธรรมชาติของทั้งสอง ทำให้หนังออกมามองได้สบายๆถึงแม้ว่าหน้าที่รวมทั้งติดอยู่แรกเตอร์ที่พวกเขาถือสิทธิ์เอาไว้นั้นจะมิได้มีมิติอะไรสักเท่าไหร่เลย เป็นบทผิวเผินที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่อ้อมค้อม แม้กระนั้นซ่อนเร้นไปด้วยฟีลลิ่งที่ความอบอุ่นที่ส่งต่อถึงกันรวมทั้งกัน

ตกลงว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Your Christmas or Mine? ก็เป็นหนังรักวันคริสต์มาสทั่วๆไป ดูหนังฝรั่ง  ที่เปิดมองได้เพลิดเพลินๆในตอนบรรยากาศของเทศกาล หนังบางครั้งอาจจะไม่มีอะไรสดใหม่ที่ทำให้มีความรู้สึกว้าวอะไร แต่ว่าด้วยเหตุว่ามีพล็อตที่ง่ายและไม่ได้หวือหวาอะไร ก็เลยทำใหเป็นหนังหวานใจที่ผสมความสัมพันธ์ครอบครัวที่มองง่ายตามสูตร รวมทั้งยังมีกลุ่มดาราหนังที่ถ่ายทอดออกมาทำให้หนังมองบันเทิงใจไปตลอดทาง รวมทั้งนับว่าตอบปัญหาในตอนเทศกาลปีนี้ไปได้ในระดับหนึ่ง