Peter Rabbit 2 The Runaway (2021)

Peter Rabbit 2 The Runaway (2021)

Peter Rabbit 2 The Runaway (2021)

Peter Rabbit 2 The Runaway (2021) ภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง “Peter Rabbit” ในปี 2018 หลังจากการแต่งงานของบีแล้วก็โธมัสกับการเปิดตัวนวนิยายที่ได้รับการเชิดชูจากการผจญภัยของปีเตอร์และเพื่อนๆของเขา ปีเตอร์รู้สึกอย่างกับว่าทุกคนมองว่าเขาเป็นกบฏแค่นั้น ด้วยเหตุนี้เมื่อบีแล้วก็โธมัสตัดสินใจท่องเที่ยว ปีเตอร์เห็นว่านี่เป็นช่องทางที่จะได้ออกวิ่งงานแต่งงานของ โทมัส แม็คเกร์เกอร์ รวมทั้ง เบย์ แม็คเกร์เกอร์ เกิดขึ้นกับสหายๆอีกทั้งมนุษย์และก็สัตว์สำหรับในการเข้าร่วม Peter Rabbit ยอมรับส่วนใหม่ในชีวิตของเขา หลังฮันนีมูน โธมัสช่วยบีทำหนังสือนิทานสำหรับเด็กโดยอิงจากปีเตอร์และเพื่อนๆของเขา ปีเตอร์รู้สึกท้อแท้บางส่วนเมื่อทราบว่าหนังสือเหล่านั้นทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนซุกซน Peter Rab bit 2 The Runaway (2021) บีได้รับจดหมายทางไปรษณีย์จากสถานที่พิมพ์ที่อยากแบ่งหนังสือของเธอโธมัสและก็บีพาปีเตอร์ เบนจามิน ฟลอปซี มอปซี และก็คอตตอนเทลไปพบกับผู้จัดพิมพ์ ไนเจล บาซิล-โจนส์ ไนเจลพรีเซนเทชั่นกลยุทธ์ตลาดของเขาต่อกระต่าย ซึ่งทำให้ปีเตอร์เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดี พวกเขายังเห็นป้ายโฆษณาสำหรับภาพยนตร์ Peter Rabbit ที่เป็นได้ซึ่งทำให้เขามองชั่วร้าย ปีเตอร์ที่ผิดหวังเดินออกจากกลุ่มและเข้าไปในเมืองซึ่งเขาได้พบกับกระต่ายตัวโตชื่อบาร์นาบัส บาร์นาบัสจำได้ว่าเปโตรเป็นลูกชายของเพื่อนเก่าของเขา แต่ว่าน่าเสียดายที่พวกเขาโดนจับโดยคนจับสัตว์แล้วก็นำไปเลี้ยงสัตว์ บีเริ่มลงนามในสิทธิ์ในหนังสือของเธอกับไนเจล โดยตกลงว่าหนังสือจะไม่ถูกกลายเป็นเงินเพื่อคว้าเงินสด แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือแผนของไนเจล เพราะเหตุว่าเขามีชื่อเสียงจากการเปลี่ยนแนวความคิดง่ายๆให้แปลงเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจผู้ชมในเชิงการค้ารวมทั้งร่วมสมัยเพิ่มมากขึ้นปีเตอร์แล้วก็บารนาบัสโดนจับโดยเด็กหญิงตัวเล็กๆชื่ออมีเลียและถูกขังอยู่ในกรง บาร์นาบัสจัดแจงปล่อยตนเองรวมทั้งปีเตอร์ด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูลจากสมาชิกของเขา เมาส์ซามูเอล วิสเกอร์ส ลูกแมวทอม คิตเตนที่น่าขนลุก รวมทั้งมิทเทนส์น้องสาวของเขา พวกเขาทั้งหมดออกไปในเมืองพร้อมทั้งอาหารภายหลังจากค้นตู้แช่เย็น โธมัสรวมทั้งบีพบปีเตอร์รวมทั้งพาเขากลับไปอยู่บ้าน เวลาที่บาร์นาบัสกลับไปที่ที่หลบของเขา

รีวิว Wet Season – ห้ามไม่ไหว หัวใจมันรักคุณครู

Wet Season เป็นเรื่องราวที่พาพวกเราไปพบพบกับเรื่องราวของผู้แสดงที่ชื่อว่า หลิง อาจารย์สอนภาษาจีนโรงเรียนมัธยมศึกษาปลายที่เดินทางจากมาเลเซียมาใช้ชีวิตในประเทศสิงคโปร์ สมรสกับสามีชาวสิงคโปร์ แต่ถ้าว่าชีวิตคู่ไม่ค่อยดีนัก มีความบาดหมางกับสามี เพราะเหตุว่าตัวเธอไม่สามารถมีลูกได้

แถมคุณยังจะต้องรอดูแลพ่อผัวด้วย จนถึงการเข้ามาปรากฏตัวของ เหวยลุ่น ผู้เรียนในชั้นของคุณ ที่ทำให้ความรู้สึกของเธอแปรไปถึงแม้ใบปิด ตัวอย่าง จะเชื้อเชิญให้คิดไปว่านี่คือเรื่องราวความรักคนละวัยของเด็กนักเรียนแล้วก็คุณครู แต่ว่าจริงๆหนังมิได้ย้ำพรีเซ็นท์แง่นั้นอย่างจังๆหนังเล่าอะไรที่มากกว่านั้น ความดิ้นรน

การสู้ชีวิตของผู้หญิงจากบ้านที่มาเลเซียเดินทางมาหาความคาดหมายท้ายที่สุดที่สิงคโปร์ มันคือการสำรวจนักแสดงมากยิ่งกว่าการนำเสนอความรักพาร์ทเรื่องราวความรักระหว่างคุณครูกับนักเรียน หนังมิได้ให้คำตอบที่เด่นชัดทางด้านความรู้สึกของทั้งสอง ว่าจริงๆอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกันแน่ ข้างชายบางทีก็อาจจะมองชัดเจน

แต่ยังรู้สึกไม่จริง ในแง่คำว่ารัก ส่วนข้างหญิงก็ไม่กระจ่างและไม่ชัดเจนอย่างชัดเจน แต่ละจุดของการตัดสินใจมาจากอะไร มันก็ยังไม่เพียงพอให้คิดได้ว่ามันเป็นความรักจริงๆมันจึงย้อนกลับไปคิด ถึงหนังจะชื่อไทยว่า ห้ามไม่ไหว หัวใจมันรักครู แม้กระนั้นจนกระทั่งจบเรื่องตัวเราเองก็ยังไม่กล้าฟันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นมันเรียกว่า “รัก”

จริงๆหรอ?รวมทั้งความรักที่มีต่อพ่อที่เป็นครึ่งหนึ่งอัมพาทของพระเอกเองก็ตาม การที่ตัวหลิงพากเพียรดูแล โน่นเพราะเหตุว่า “รัก” จริงๆหรือเพราะอะไรกันแน่ เพราะเหตุว่ายังมีบางฉากที่มีความคิดว่ามันไม่น่าเรียกว่ารักหรือเต็มอกเต็มใจจะดูแลอย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามันไม่ได้พรีเซนเทชั่นเรื่องราวความรักสิ่งเดียว

หนังสะท้อนประเด็น การศึกษาของประเทศสิงคโปร์เอาไว้เล็กๆว่าโรงเรียนจะเน้นสอนในสิ่งที่ประเมิณแล้วออกมาดูดี ย้ำแค่วิชาหลักๆวิชาไหนไม่มีความจำเป็นก็ขอเพียงแค่ให้พอเป็นพิธี สอบๆให้ผ่านๆไป เพราะว่ามันมิได้เป็นตัวชี้วัดผลการประเมิณของสถานที่เรียนแต่อย่างใดรวมทั้งทั้งสิ้นนั้นมันก็ถูกเสนอออกมาในต้นแบบที่เฉื่อย

เนือย และค่อยไปสักนิดสักหน่อย หนังดำเนินเรื่องช้าๆค่อยๆเป็น ค่อยๆไปกับผู้แสดง แต่สิ่งที่แน่ชัดมากๆคือชื่อหนังอีกนั่นแหละ Wet Season ใช้หน้าฝนสื่ออารมณ์ได้ชัดเจน นี่คือหน้าฝนที่หลิงจะต้องเปียกชุ่ม เปรียบได้ดั่งการเผชิญมรสุมชีวิตอยู่เสมอเวลา แม้คุณจะอุตสาหะจุนเจือและป้องกัน เลี่ยงตลอดมา (กางร่ม)

แต่ท้ายที่สุดคุณก็จะต้องสารภาพบางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็ยอมเปียกโชกไปทั้งยังกาย (ซีนตากฝน) ซึ่งนั้นคือซีนเดียวที่เห็นเธอตากฝน…การแสดงของดาราในเรื่องนี้ทำได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะข้างเด็กชาย เหวยลุ่น (Jia Ler Koh) ที่แสดงออกมาได้ดูจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เล่นบทเป็น หลิง (Yann Yann Yeo) ทั้งบทสนทนา

ซีนอารมณ์ และสีหน้าท่าทางของคุณ ที่บ่งบอกแต่ละห้วงความรู้สึกได้อย่างแจ่มแจ้ง พูดได้ว่าเคมีของทั้งสองถ่ายทอดออกมาเจริญจริงๆแต่ว่าน่าเสียดาย ที่ภาพรวมของหนังมันเนือยและก็ค่อยเกินไป แถมหนังยังมิได้ให้ความกระจ่างกับความรู้สึกของตัวละคร จนไม่สามารถที่จะทำให้พวกเราอินตามได้สักพาร์ทเลยหากคนไหนมุ่งมาดจะไปดูหนังความรักต้องห้าม (ที่ไม่เข้าใจเพราะเหตุใดถึงเรียกว่ารักต้องห้าม) บางทีอาจจะจะต้องผิดหวังสักนิดสักหน่อย หนังมันน่าระอากว่าที่คิดล่ะ

รีวิวหนัง Honest Thief ทุรชนชิงทรัพย์ชั่ว – หนังแอ็คชั่นเกรด A ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

Honest Thief คนเลวปล้นชั่ว ภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องล่าสุดของเจ้าพ่อวงการแอ็คชั่นอย่าง เลียม นีสัน จาก Taken อีกทั้งสามภาค นอกนั้นยังมี ไจ คอร์ทนี่ย์ จาก Suicide Squad (2016) ตามด้วย เคท วาลช์ จาก Legion (2010) ร่วมแสดงในหนังประเด็นนี้ ของผู้กำกับ มาร์ก วิลเลียมส์ จาก A Family Man (2016)

มาประดิษฐ์ผลงานภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องใหม่ของ เลียม นีสัน กับ Honest Thief คนชั่วชิงทรัพย์ชั่วช้า เรื่องนี้ Honest Thief ทุรชนชิงทรัพย์เลวทราม หนังจะเล่าถึง ทอม คาร์เตอร์ (ที่รับบทบาทโดยเลียม นีสัน) เป็นอดีตมิจฉาชีพมือฉมังอยากได้ออกจากแวดวงเนื่องจากต้องการไปใช้ชีวิตสุจริตกับ แอนนี (ที่รับบทโดยเคต วอลช์)

ที่เป็นแฟนของทอม ความรักครั้งนี้ก็เลยทำให้เขานั้นต้องการสลับตัวเองใหม่ เขาก็เลยมอบตัวกับทางเอฟบีไอและคืนเงินที่ปล้นมาทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพแล้วก็ล้างประวัติความเป็นมาของเขาใหม่ Peter Rabbit 2 The Runaway (2021) แต่แล้วฝ่ายตำรวจเลวทรามก็ได้หักหลังทอม และป้ายความผิดทั้งให้เขา เขาก็เลยจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองกลับมาอีกรอบว่าเขานั้นบริสุทธิ์ Honest Thief

คนเลวทรามปล้นเลว บอกตามจริงหนังเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นหนังแอ็คชั่นฟอร์มเล็กเลยล่ะ ซึ่งในหนังเราบางทีก็อาจจะได้มองเห็นฉากแอ็คชั่นไม่เยอะแยะ แต่ว่ายืนยันจับใจแน่นอน แต่ถึงฉากแอ็คชั่นจะน้อย แต่แน่นไปด้วยคุณภาพ การเล่าเรื่องของหนังเป็นอะไรที่ไหลเลื่อนมากมายๆมองเพลิดเพลินพอสมควร

หนังจะแบ่งระหว่างตัวร้ายกับคนดีได้อย่างเห็นได้ชัดแบบพวกเราแถบไม่ต้องทายใจเลยว่าคนนี้ดีไหม หรือคนนี้เป็นตัวร้ายรึเปล่า ถึงเค้าเรื่องของหนังจะมองทายใจง่ายแต่การเล่าเรื่องของหนังนี้โคตรพีค ส่วนตัวถูกใจในฉากไล่ล่าของผู้แสดงนำชายมากมาย ลุ้นเอาใจช่วยตลอดกับฉากนี้ นอกจากฉากแอ็คชั่นที่น่าติดตามแล้ว

หนังยังมีเรื่องมีราวราวของความรักสุดชอบใจเข้ามาเสริมอีกทำให้หนังเรื่องนี้แปลงเป็นหนังบู๊ที่มีฟิลแบบอบอุ่นๆอีกด้วย ถูกใจในความที่ผู้กำกับเอาแง่ มนุษย์ปกติมาเล่นกับผู้ชายที่รักเพศหญิงคนหนึ่งรวมทั้งยอมกลับตัวกลับใจเพื่อให้แปลงเป็นผู้ที่ดียิ่งขึ้น โดยรวมแล้วของ Honest Thief คนเลวทรามชิงทรัพย์ชั่วช้า

ถือว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่แอดชอบใจ แล้วก็คนไหนกันที่เป็นแฟนหนังของพ่อ เลียม นีสัน เรื่องนี้ก็ไม่สมควรพลาดนะ Honest Thief ทรชนชิงทรัพย์เลวทราม หนังแอ็คชั่นฟอร์มเล็กแม้กระนั้นคุณภาพจัดเต็มตลอดชั่วโมงครึ่งของหนัง รับรองคุณจำเป็นต้องพึงใจกับบทบาทนี้ของป๋าเลียม ที่บอกเลยว่าหนังหัวข้อนี้ไม่ได้มีดีแม้กระนั้นฉากแอ็คชั่นอย่างแน่นอน

รีวิว The High Note – ไต่โน้ตหัวใจตามฝัน

The High Note – ไต่โน้ตหัวใจตามฝัน เกิดเรื่องราวที่ชี้แจงเกี่ยวกับ Maggie Sherwoode ผู้ช่วยนักร้องชื่อดัง Grace Davis ที่อยู่ในตอนร้องแต่ว่าเพลงเก่าทำมาหากิน ซึ่งเหล่าแฟนๆก็ถามผลงานใหม่ๆแม้กระนั้นผู้จัดการเห็นต่างอยากที่จะให้ร้องแม้กระนั้นเพลงเก่าที่เดิมซ้ำๆมีเพียงแต่ Maggie ที่อยากที่จะให้คุณออกอัลบั้มใหม่

และอาสาจะโปรดิวซ์เพลงให้เธอ แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะว่าคุณไม่ใช่โปรดิวเซอร์ที่มีชื่อ ทำให้เธอต้องหาทางทำสิ่งที่คุณฝัน พร้อมๆกับการดูแลนักแสดงที่คุณรักไปด้วยหนังบากบั่นให้เห็นความสนิทสนมของเพศหญิงทั้ง 2 คนที่แตกต่างสุดขั้ว นักแสดงมีชื่อ-ผู้ช่วย หัวหน้า-ลูกน้อง

แต่ไม่รู้เรื่องเพราะเหตุไรเราไม่สัมผัสถึงเรื่องราวความเกี่ยวข้องของทั้ง 2 คนได้มากเท่าที่ควรเลย ทั้งที่มันควรจะนำเราไปผูกพันกับผู้แสดงสิ มันจึงเกิดการไม่อินขึ้นมาหนังยังพรีเซนเทชั่นเกี่ยวกับวงการเพลง ทั้งด้านการทำเพลง การโปรดิวซ์เพลง นักลงทุน ค่าย ซึ่งนำเสนอแบบผิวๆสัมผัสบอบบางๆมากมาย

เสนอจุดนี้ได้น้อยเลยแหละ ไม่ได้น่าสนใจ หรือยั่วยวนใจมากพอเลย ส่วนเพลงที่ใช้ในหนังจำเป็นต้องบอกเลยว่าเพราะมากถึงเยอะที่สุด แต่ว่ามองไม่ผลักดันเรื่องราวเท่าไหร่ พาร์ทโรแมนซ์ของพระนางก็ใส่มาทำไมไม่เคยรู้ ไม่ได้น่าสนใจเลยสักหน่อย ทุกอย่างดูไหลลื่นไปหมด สะดุดนิดเดียว แต่อะไรมันก็ง่ายเกินไป

ดูเป็นพาร์ทที่ไม่มีน้ำหนักสุดแล้ว หนังราวกับจะปลุกพลังฝัน แต่ก็ไม่ได้มีตรงไหนที่สร้างพลังใจ เพิ่มไฟให้ฝันเลยด้วยเหมือนกัน ทางด้านจุดดราม่าต่างๆก็ไม่ชวนให้อินเพียงพอ มาไว ไปไว ไม่ว่างให้ซึมซับอะไรเลย เอาจริงๆชีวิตนางเอกดูกรบระรื่นไปเสียด้วยซ้ำ เป็นบทล็อคมาก สูตรสำเร็จสุดๆยิ่งช่วงท้ายเรื่องนี่หาบทสรุป

หาทางลง จบง๊ายง่าย แบบ “เอ๊า เพียงแค่เนี้ยนะ?”ดาราหนัง Dakota Johnson หรือ Tracee Ellis Ross เราก็คิดว่ามิได้มีจุดที่แสดงได้โดดเด่นอะไร เพียง อาจจะได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูๆของ Dakota Johnson เพียงแค่นั้น สลัดภาพเธอจาก Fifty Shades ไปได้เลย แล้วก็บทเธอ

ลุคเธอในประเด็นนี้ก็มองเหมาะกับเธอดีเหมือนกัน ก็แค่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ส่งให้เธอดูโดดเด่นอะไรเยอะแค่ไหน สรุปแล้ว The High Note – ไต่โน้ตหัวใจตามฝัน มันก็ไม่ใช่หนังเพลงซะทีเดียว มันคือหนังที่มีเพลงมาประกอบ รวมทั้งเสนอเรื่องราวของคนในวงการเพลง (แบบผิวๆ) เน้นผู้แสดงนำ ที่ทั้งปวงทั้งหมดแล้วมีดีเพียงแค่เพลง และความน่ารักของ Dakota Johnson สลัดคราบเปื้อนความเธอจาก Fifty Shades เท่านั้น

กลับสู่หน้าหลัก https://balancecounseling.org/